ดอกขจร
ชื่อวิทยาศาสตร์ Telosma
minor ชื่อวงศ์ Asclepiadaceae ชื่อสามัญ Cowslip Creeper ชื่อท้องถิ่น บางท้องที่เรียกดอกสลิด ลักษณะทั่วไป ดอกขจร เป็นไม้เลื้อยเถาเล็กแตกยอดจำนวนมาก ทุกส่วนของลำต้นมีน้ำยางขาว ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามเป็นใบคู่เป็นรูปหัวใจ กว้างและยาว 610 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเว้า ขอบใบเรียบ มีช่อดอกสีเหลืองอมชมพูอ่อนออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม ดอกย่อยมีกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกันส่วนปลายแยก 5 แฉกกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดสั้นๆ ปลายกลีบแยกเป็น 5 แฉก ดอกบานไม่พร้อมกันดอกอ่อนสีเขียว เมื่อบานเริ่มหอมตั้งแต่ช่วงบ่าย ดอกออกมากตั้งแต่ต้นฤดูหนาว นำดอกขจรมาเป็นผัก ทำอาหารรับประทานได้ การปลูก ขจรเป็นไม้ที่ขึ้นได้ดีในดินทุกสภาพ แต่ถ้าจะให้ดีควรปลูกในดินร่วนปนทราย หรือดินที่มีความร่วนซุยมากๆ ขจรเป็นไม้ที่ชอบแดดจัดไม่ต้องการน้ำมากนัก และทนต่อสภาพความแห้งแล้งได้ดี ดังนั้นการรดน้ำให้รด 2 วันต่อครั้ง การขยายพันธุ์ขจรสามารถทำได้โดยการปักชำกิ่ง หรือทาบกิ่ง สรรพคุณทางยา ใช้รากผสมยาหยอดรักษาตา รับประทานทำให้อาเจียนถอนพิษเบื่อเมา ทำให้รู้รสอาหาร ดับพิษ รายการอาหาร แกงส้มดอกขจร ยำดอกขจร แกงจืดดอกขจร ไข่ตุ๋นดอกขจร ข้าวต้มดอกขจร |
ไข่ตุ๋นดอกขจร | |||
เครื่องปรุง | |||
ไข่ไก่ | 3 | ฟอง | |
ดอกขจร | 50 | กรัม | |
น้ำซุป | 1 | ถ้วยตวง | |
เนื้อปูนึ่งสุก | 100 | กรัม | |
เนื้อหมูสับ | 100 | กรัม | |
ซีอิ้วขาว | 1 | ช้อนโต๊ะ | |
ผงปรุงรสไก่ | 1 | ช้อนชา | |
กระเทียมสับละเอียด | 1 | ช้อนโต๊ะ | |
น้ำมันพืช | 2 | ช้อนโต๊ะ | |
พริกชี้ฟ้าหันเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า | |||
วิธีทำ | |||
ผสมไข่ไก่ เนื้อปู เนื้อหมู ดอกขจร เครื่องปรุงรสทั้งหมด และน้ำซุป เข้าด้วยกันใส่ภาชนะทนร้อน นำไปนึ่งในรังถึง เมื่อสุกแล้วยกลงโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และพริกชี้ฟ้า จัดเสิร์ฟขณะร้อนๆ |
ข้าวต้มดอกขจร | |||
เครื่องปรุง | |||
ข้าวสวยกล้องหอมมะลิ | ½ | ถ้วย | |
ดอกขจร | ½ | ถ้วย | |
กระดูกสันหลังหมูติดเนื้อ | 200 | กรัม | |
วิธีทำ | |||
ต้มกระดูกสันหลังในน้ำจนเปื่อย แกะเนื้อออกไว้ต่างหาก เอาน้ำต้มกระดูกหมูต้มให้เดือด ใส่ข้าวต้มจนข้าวสุก แล้วใส่ดอกขจร ต้มจนดอกขจรเปื่อย ใส่เนื้อหมู ปรุงรสด้วยเกลือจะดีกว่าใช้น้ำปลาเพราะจะทำให้คาว |
แกงจืดดอกขจร | |||
เครื่องปรุง | |||
หมูเนื้อแดงสับละเอียด | 1 | ถ้วยตวง | |
กุ้งชีแฮปอกเปลือกผ่าหลัง | 10 | ตัว | |
ดอกขจร | 2 | ถ้วยตวง | |
รากผักชี | 1 | ราก | |
กระเทียบสับ | 1 | ช้อนโต๊ะ | |
พริกไทยป่น | ½ | ช้อนชา | |
น้ำปลา | 2 | ช้อนโต๊ะ | |
น้ำซุป | 2 | ถ้วยตวง | |
น้ำมัน | 2 | ช้อนโต๊ะ | |
วิธีทำ | |||
ตั้งน้ำซุปให้เดือด ใส่หมูสับคนให้กระจายใส่น้ำปลา ใส่กุ้งพอน้ำซุปเดือด ใส่ดอกขจร ปิดฝา ยกลง เจียวกระเทียมให้เหลือง โรยหน้า โรยพริกไทย |
แกงส้มดอกขจร | ยำดอกขจร | |||||
เครื่องปรุง | เครื่องปรุง | |||||
ดอกขจร | 2 | ถ้วยตวง | ดอกขจร | 4 | ถ้วยตวง | |
ปลาช่อน (ขนาด ½ ก.ก.) | 1 | ตัว | เนื้อหมูต้มหั่น | ½ | ถ้วยตวง | |
น้ำส้มมะขามเปียก | ½ | ถ้วยตวง | หนังหมูหั่นละเอียด | ½ | ถ้วยตวง | |
น้ำตาลมะพร้าว | 1 | ช้อนโต๊ะ | กุ้งต้มฉีกเป็นชิ้นๆ | ½ | ถ้วยตวง | |
น้ำปลา | 3 | ช้อนโต๊ะ | กะทิข้น | 2 | ถ้วยตวง | |
เครื่องน้ำพริกแกงส้ม | กระเทียมเจียว | 2 | ช้อนโต๊ะ | |||
พริกแห้ง | 5 | เม็ด | หอมแดงเจียว | 2 | ช้อนโต๊ะ | |
กะปิ | 1 | ช้อนชา | น้ำปลา | 2 | ช้อนโต๊ะ | |
หอมแดงหั่น | 1 | ช้อนโต๊ะ | น้ำมะนาว | 3 | ช้อนโต๊ะ | |
นำเครื่องแกงโขลกให้ละเอียด | น้ำตาลทราย | 1 | ช้อนโต๊ะ | |||
วิธีทำ | วิธีทำ | |||||
ปลาช่อนส่วนหางต้มสุกตักขึ้นและเอาแต่เนื้อ นำเนื้อปลามาโขลกรวมกับน้ำพริกแกงส้มให้ละเอียด นำมาละลายกับน้ำต้มปลา ใช้เป็นน้ำแกง ตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลา ใส่น้ำปลา น้ำตาล พอเดือดใส่ดอกขจร เด็ดเป็นดอกๆ พอเดือดยกลงรับประทานได้ | ปลาช่อนส่วนหางต้มสุกตักขึ้นและเอาแต่เนื้อ นำเนื้อปลามาโขลกรวมกับน้ำพริกแกงส้มให้ละเอียด นำมาละลายกับน้ำต้มปลา ใช้เป็นน้ำแกง ตั้งไฟให้เดือด ใส่ปลา ใส่น้ำปลา น้ำตาล พอเดือดใส่ดอกขจร เด็ดเป็นดอกๆ พอเดือดยกลงรับประทานได้ |
|